วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556

วันรัฐธรรมนูญ

วันรัฐธรรมนูญ

                    

   
 

   

ประวัติวันรัฐธรรมนูญ         

รัฐธรรมนูญ หมายถึง กฎหมายว่าด้วยระเบียบการปกครองประเทศ
วันรัฐธรรมนูญ วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นวันที่พระบาท
สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญ ราชอาณาจักรสยาม ฉบับถาวร
 เพื่อเป็นหลักในการปกครองของ
ประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย

ความเป็นมา

การเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕
นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ในประวัติศาสตร์การปกครองของชาติไทย เนื่องจากเป็นการ
เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบ
ประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
อันเป็นกฎหมายสูงสุดของ
ประเทศ

สาเหตุที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

๑. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗
แห่งราชวงศ์จักรีทรงมีพระราชประสงค์
ที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นหลักในการ
ปกครองของประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย

๒. หลังสงครามโลกครั้งที่ ๑ เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก
ผลอันนี้ได้กระทบมาถึงไทยด้วย
พระองค์ได้แก้ไขเศรษฐกิจโดยปลดข้าราชการออก
ยังความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการ

๓. อิทธิพลจากตะวันตกเกี่ยวกับอุดมการทางการเมือง
ทำให้กลุ่มคนหนุ่มต้องการ
เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน

๔. รัฐบาลได้ออกกฏหมายเก็บภาษี อาทิ ภาษีโรงเรือน
ภาษีที่ดิน จากราษฎร

 จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น ทำให้เกิดความไม่พอใจ
ในหมู่ข้าราชการทหาร และราษฎรทั่วไปจึง
ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยการปฏิวัติ
มีคณะผู้รักษาการพระนครฝ่ายทหาร
ซึ่งประกอบด้วยพันเอก พระยาพหลพยุหเสนา
พันเอกพระยาทรงสุรเดช และพันเอกพระฤทธิอาคเนย์
เป็นผู้บริหารประเทศ

วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ได้มีการประกาศ
ใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเรียกว่า
"พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว
" สาระสำคัญของธรรมนูญการปกครอง
ฉบับนี้ได้แก่ การที่กำหนดว่าอำนาจสูงสุดในการปกครอง
ประเทศหรืออำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎร
ทั้งหลาย
การใช้อำนาจสูงสุดก็ให้มีบุคคลคณะบุคคลเป็นผู้ใช้อำนาจ
แทนราษฎรดังนี้ คือ
๑. พระมหากษัตริย์
๒. สภาผู้แทนราษฎร
๓. คณะกรรมการราษฎร
๔. ศาล
 ลักษณะการปกครองแม้จะเปลี่ยนระบอบการปกครองมา
เป็นประชาธิปไตยแต่ก็ถือว่าพระ
 มหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ เป็นสถาบันที่ถาวร
และมีการสืบราชสมบัติต่อไปในพระราชวงศ์
การปฏิบัติราชการต่างๆ จะต้องมีกรรมการราษฎรผู้ลงนามรับ
สนองพระบรมราชโองการ โดยได้รับ
ความยินยอมจากคณะกรรมการราษฎรจึงจะใช้ได้
สถาบันที่เกิดใหม่คือ สภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งมีอำนาจทางนิติบัญญัติออกกฎหมายต่างๆ
ซึ่งเมื่อพระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยประกาศ
ใช้แล้วจึงมีผลบังคับได้
 เหตุนี้ในระยะแรกของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
สภาผู้แทนจึงเป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุด
ในทางการเมือง
ส่วนการใช้อำนาจตุลาการยังคงให้ศาลยุติธรรมที่มีอยู่แล้ว
พิจารณาพิพากษาคดี ให้เป็นไปตามกฎหมาย
ได้ตามเดิม

          
กระทั่งถึง วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ พระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทาน
รัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยาม ฉบับถาวร ซึ่งมีหลักการต่าง
กับฉบับแรกในวาระสำคัญหลายประการ
อาทิได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นการปกครองแบบรัฐสภา
 ทั้งนี้เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๔๗๕
 ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นประมุขไม่ต้องรับผิดชอบ
ทางการเมืองเป็นผู้ใช้อำนาจทาง
คณะรัฐมนตรี ซึ่งพระมหากษัตริย์ ทรงแต่งตั้งให้บริหารราชการแผ่นดิน
แต่คณะรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบ
ในการบริหารราชการแผ่นดินต่อสภาผู้แทน รัฐสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ
มิได้ใช้แต่เพียงอำนาจนิติบัญญัติ
เท่านั้น แต่มีอำนาจที่จะควบคุมคณะรัฐมนตรีในการบริหารแผ่นดินด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม
คณะรัฐมนตรีรวมทั้งพระมหากษัตริย์ซึ่งประกอบกันเป็นรัฐบาลก็
มีอำนาจที่จะยุบ สภาผู้แทนได้หากเห็นว่าได้ดำเนินการไปในทางที่
จะเป็นภัยหรือเสื่อมเสียผลประโยชน์สำคัญ ของรัฐที่มีผลเท่ากับถอดถอน
สมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตั้งมาเพื่อให้ราษฎร เลือกตั้งใหม่
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์นั้น
ได้บัญญัติว่าพระมหากษัตริย์ดำรง อยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ
ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ้
 รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ เป็นเครื่องกำหนด
ระเบียบแบบแผนของสังคม
เพื่อเป็นการระลึกถึงรัฐธรรมนูญฉบับแรก อันเป็นฉบับถาวร
และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้พระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย ทางราชการจึงกำหนด
 วันที่ ๑๐ ธันวาคมของทุกปี
เป็นวันรัฐธรรมนูญ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น